เมื่อได้งานใหม่แต่ใจยังรักงานเดิม

คิดว่าหลายๆคนก็คงเคยคิดเช่นเดียวกันกับบทความนี้ ลองอ่านกันดูนะครับ

จะตัดสินใจอย่างไรเมื่อได้งานใหม่แต่ใจยังรักงานเดิม

"มนุษย์เงินเดือน" หลายคนคงเคยผ่านจุดลังเลของชีวิตในการตัดสินใจเปลี่ยนงานมาบ้างแล้ว ในขณะที่คนบางคนกำลังอยู่ในช่วงกำลังตัดสินใจ ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความลังเล ความสับสน ช่วงของการขาดความมั่นใจในตัวเองสูง ยิ่งถ้าสิ่งที่เรากำลังตัดสินใจนั้นมันมีน้ำหนักค่อนข้างสูสีกัน เช่น งานเก่าก็มีข้อดีหลายอย่าง แต่งานใหม่เงินเดือนดีกว่าและท้าทายกว่า
คนทำงานส่วนใหญ่เมื่อไม่แน่ใจในตัวเองก็มักจะใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดคือสอบถามความคิดเห็นจากคนรอบข้างเกือบทุกคน(ยกเว้นหัวหน้า)ว่าเราควรจะเลือกทางไหนดี ทำงานที่เก่าต่อไปอย่าคิดอะไรมากหรือตัดสินใจให้เด็ดขาดเสี่ยงเป็นเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า เมื่อเราใช้วิธีทำประชามติจากคนรอบข้างสิ่งที่เราจะได้รับนั้น บอกได้เลยว่ายิ่งทำให้เราสับสนและลังเลมากกกว่าที่เราคิดเองคนเดียว เพราะคำตอบที่ได้จะมีทั้งสองฝ่ายคือเห็นด้วยกับการเปลี่ยนงานใหม่ เพราะคนกลุ่มนี้กำลังเบื่องานปัจจุบันอยู่เหมือนกัน ตัวเองก็คิดว่าถ้าตัวเองได้งานใหม่ก็คงไปแน่ๆ ส่วนคำตอบของคนกลุ่มที่บอกว่าอย่าไปเลยมันเสี่ยงที่เก่านะดีอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่อยู่มานานไม่ค่อยเปลี่ยนงานและไม่คิดจะเปลี่ยนงานแน่ๆ ยิ่งเราถามคนอื่นมากเท่าไหร่ เราจะได้คำตอบจากสมมติฐานและพื้นฐานชีวิตแต่ละคนมากยิ่งขึ้น เพราะคำตอบที่ได้เขาเอาเหตุการณ์ของชีวิตเราไปตัดสินบนพื้นฐานของประสบการณ์ ความรู้สึกและทัศนคติความเชื่อของตัวเขาเอง
เมื่อไหร่ที่เราตัดสินใจโดยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในหัวและในใจรับรองได้ว่าเราจะตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึกมากกว่าข้อมูลข้อเท็จจริงหรือเหตุผล เพราะการตัดสินใจในแต่ละนาทีที่เกิดขึ้นในใจเรามันจะเกิดขึ้นทีละประเด็น มันไม่ได้มีการเปรียบเทียบข้อมูลของงานเก่าและงานใหม่ทั้งหมดพร้อมกัน จุดนี้คื่อหลุมพรางของการตัดสินใจที่ลึกและน่ากลัวมากสำหรับคนที่กำลังคิดที่จะตัดสินใจเปลี่ยนงาน
ดังนั้น สิ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับคนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาของความลังเลใจ ผมคิดว่าควรจะปฏิบัติดังนี้
• เลิกคิดเรื่องนี้สักหนึ่งหรือสองวันให้จิตใจที่กำลังสับสนวุ่นวายได้พักผ่อนเพื่อกลับมาสู่สถานะจิตใจที่ปกติ
• หลังจากพักคิดเรื่องนี้ไปแล้ว ให้นำกระดาษขึ้นมา 2 แผ่นวางด้านซ้ายมือหนึ่งแผ่นและอีกแผ่นหนึ่งวางไว้ด้านขวา
• ให้หยิบกระดาษแผ่นแรกขึ้นมาเขียนถึงข้อดีและข้อเสียของงานปัจจุบันโดยไล่ไปทีละข้อ เช่น เงินเดือน ปริมาณงาน โอกาสก้าวหน้า สถานที่ทำงานกับบ้าน เพื่อนร่วมงาน สวัสดิการ ฯลฯ โดยให้แบ่งกระดาษแผ่นนี้ออกเป็นสองส่วนโดยส่วนแรกเขียนถึงสถานะปัจจุบัน ส่วนที่สองให้เขียนความเป็นไปได้อีก 5 ปีข้างหน้า เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท อีก 5 ปีข้างหน้าเงินเดือนน่าจะประมาณ 30,000 บาท เมื่อเขียนเสร็จแล้วให้วางกระดาษแผ่นนี้ไว้ที่เดิมโดยคว่ำไว้ เลิกสนใจกระดาษแผ่นนี้ไว้สักครู่หนึ่งก่อน และเดินไปดื่มน้ำหรือเดินเล่นสักพักหนึ่งแล้วค่อยกลับมา
• หยิบกระดาษแผ่นที่สองขึ้นมาแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วนเหมือนกันส่วนแรกคือสิ่งที่บริษัทใหม่เสนอให้เรา และส่วนที่สองคืออนาคตของงานในที่ใหม่อีก 5 ปีข้างหน้า แล้วเขียนหัวข้อที่เหมือนกับแผ่นแรก เช่น เงินเดือน สวัสดิการ ฯลฯ พยายามเขียนข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้อมูลไหนไม่รู้ไม่แน่ใจ ทำเครื่องหมาย ? ไว้

• เมื่อเขียนข้อมูลของกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วให้นำเอาข้อมูลในกระดาษทั้งสองแผ่นมาเปรียบเทียบกันว่าโดยภาพรวมแล้วใจเราไปทางไหนมากกว่ากัน

• เอากระดาษสองแผ่นนี้ติดตัวไปตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหนรวมถึงถ่ายสำเนาแปะไว้ที่ฝาห้องนอนด้วยยิ่งดี ดูและคิดตัดสินใจทุกวันก่อนนอน จนกว่ากระดาษแผ่นใดแผ่นหนึ่งจะเข้ามาอยู่ในใจเราติดต่อกันเกิน 3 วันถือว่าสิ้นสุดการตัดสินใจ
เมื่อตัดสินใจเลือกงานใดงานหนึ่งแล้วไม่ว่าจะเป็นงานเก่าหรืองานใหม่ให้ซ้อมเสียดายงานที่เราไม่เลือก เช่น ถ้าเราเลือกงานใหม่ เราคิดว่าเมื่อเราออกไปแล้วเราน่าจะรู้สึกเสียดายอะไรบ้างจากงานปัจจุบัน ในทางกลับกันถ้าเราเลือกที่จะทำงานอยู่ทีเดิม เมื่อเวลาผ่านไปในอนาคตเราคิดว่าเราจะรู้สึกเสียดายอะไรจากงานใหม่ที่เราไม่เลือก แล้วลองชั่งน้ำหนักดูว่าความเสียดายด้านไหนมีผลกระทบต่อจิตใจเรารุนแรงกว่ากันหรือความเสียดายอันไหนที่เราคิดว่าเรารับได้
• ขั้นตอนสุดท้ายคือการตัดสินใจว่าจะเลือกที่จะทำงานต่อกับที่ทำงานเดิมหรือเลือกที่จะลาออกไปทำงานที่ใหม่
• เมื่อเลือกงานใดงานหนึ่งแล้ว กรุณาฉีกกระดาษแผ่นทีไม่เลือกทิ้งไปและพยายามลืมมันให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น มันจะตามมาหลอกหลอกเราเวลาเราเจออุปสรรคจากงานที่เราเลือก เช่น เลือกงานเดิม ถ้าเรายังมีเยื่อใยกับงานใหม่ วันไหนหัวหน้า(คนเดิม)ด่า วันนั้นวิญญาณชั่วร้ายของงานใหม่จะเข้าสิงเราทันที "ไม่น่าเลย รู้ยังงี้ลาออกไปทำงานที่ใหม่ก็ดี"
กติกาข้อสุดท้ายที่คนที่กำลังตัดสินใจเปลี่ยนงานควรจำไว้คือ "ไม่มีการตัดสินใจครั้งไหนผิดพลาด" เพราะการตัดสินใจของคนไม่มีคำตอบที่ถูกผิดโดยเฉพาะการเปลี่ยนงาน เพียงแต่การตัดสินใจในแต่ละครั้งนั้นรอบคอบหรือไม่รอบคอบเท่านั้น การตัดสินใจแต่ละครั้งเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเท่านั้น ดังนั้น ไม่ว่าเราจะตัดสินใจแบบไหนรับรองว่าไม่ผิด เพราะเมื่อไหร่ที่เราเชื่อว่าการตัดสินใจทุกครั้งจะมีผิดกับถูก เราจะรู้สึกกังวลกับผลของการตัดสินใจและมันเป็นแผลในใจไปตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ข่าวทั่วไป

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ผู้เข้าชมทั้งหมด