พฤติกรรมที่ต้องปรับเมื่อต้องเปลี่ยนจากลูกจ้างเป็นนายจ้าง
ต้องทำงานได้หลากหลาย
เมื่อคุณเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง หมายความว่าคุณไม่ได้มีหน้าที่และความรับผิดชอบเขียนไว้อย่างชัดเจนเหมือนเคย คุณจะต้องทำงานสารพัด และแก้ไขเหตุการณ์มากมายที่ไม่คาดคิด (โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นใหม่ๆ) สมัยเป็นลูกจ้างคุณจะชินกับงานที่เดาได้ว่าวันพรุ่งนี้จะต้องทำอะไร แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณทำธุรกิจเอง คุณจะไม่สามารถโยนปัญหาได้ คุณคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องจัดการกับปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และเป็นคนที่ต้องฟันธงตัดสินด้วย
ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นตนเอง
การเป็นลูกจ้างนั้นคุณทำตามที่คนอื่นสั่งให้ทำไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม คุณจะชินกับการทำตามคำสั่งของคนอื่น แต่เมื่อตัดสินใจจะเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณเท่านั้นที่สั่งตัวเอง ไม่ใช่นั่งรอให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาหรือมีคนเอาใบสั่งซื้อของมาส่งให้ตรงหน้า ต่อนี้ไปจะไม่มีใครเอางานมาวางให้ที่โต๊ะทำงานคุณหรือบอกว่าคุณจะต้องทำอะไร และเสร็จเมื่อไหร่ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับหลายๆคนที่ก้าวเข้ามาเป็น เจ้าของธุรกิจภายหลังจากเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานแสนนาน
ต้องรู้จักมองหาโอกาส และคว้าไว้
ลูกจ้างส่วนใหญ่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย โดยที่มีคนคอยดูโอกาสทางธุรกิจให้ เช่น ผู้บริหารหรือแผนกขายในบริษัทใหญ่ๆ แต่ในธุรกิจส่วนตัวคุณต้องเป็นคนคอยมองหาโอกาสนั้นเองและต้องมองเป็นด้วย ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป เช่น การหาช่องทางวางขายสินค้าของคุณในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ หรือร้านสะดวกซื้อ เมื่อเป็นลูกจ้างคุณ “ก้มหน้าก้มตา”ทำงาน แต่เมื่อเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วคุณต้อง “เงยหน้าเงยตา”ทำงานและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ต้องรู้จักวางแผนงานล่วงหน้า
หากคุณต้องการเป็นนายตัวเองล่ะก็ ต้องเริ่มพัฒนาทักษะในการวางแผนงานทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้แล้ว เพราะมันจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตคุณนับจากนี้ไป งานแรกที่ต้องทำเมื่อจะเริ่มธุรกิจก็คือ การวางแผนธุรกิจและเมื่อธุรกิจเริ่มดำเนินการคุณจะพบว่าแผนที่วางไว้ในระยะ ยาวนี้อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงบ้าง ต่างจากการทำงานตามแผนที่คนอื่นกำหนดใว้ให้เมื่อเป็นลูกจ้าง คุณต้องเปลี่ยนมาเป็นคนกำหนดแผนขึ้นเองและต้องสามารถปรับแผนให้เข้ากับสภาพ ปัจจุบันและสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดไว้ได้
ต้องอดทน และไม่ขี้เกียจ
ภาพมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานไปวันๆ รอจนกระทั่งวันเกษียณนึกออกได้ไม่ยาก การทำธุรกิจไม่สบายอย่างนั้นเพราะคุณต้องให้เวลา 100 เปอร์เซนต์ที่คุณมีอยู่เลยทีเดียว คุณต้องทำให้ลูกค้ารู้ว่าคุณอุทิศแรงกายแรงใจและเวลาทั้งหมดที่มีให้ธุรกิจ และใส่ใจพวกเขา ที่หนักยิ่งกว่านี้ก็คือ คุณต้องทำงานอย่างอดทน หากเจ็บป่วยนิดหน่อยคุณไม่สามารถ “โทรฯ ไปลาป่วย” เหมือนการเป็นลูกจ้างได้ อีกอย่างที่อยากฝากไว้ก็คือ คุณบอกลาวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือหยุดสุดสัปดาห์ไปได้เลย การเป็นเจ้าของธุรกิจแปลว่าคุณต้องทำงานทุกวันไปจนกว่าธุรกิจจะดำเนินไปได้ดีถึงขั้นที่คุณสามารถจัดการทุกอย่างให้เข้าที่ได้แล้ว
ต้องรับกับความไม่แน่นอนให้ได้
สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะรับประกันว่าสินค้าหรือบริการของคุณจะติดตลาดภายในหกเดือนนับ จากวันนี้ ไม่มีอะไรรับประกันว่าลูกค้าจะจ่ายเงินตรงเวลา ไม่มีอะไรรับประกันว่าลูกค้ารายใหญ่ที่แสนจะชอบคุณในวันนี้จะไม่เปลี่ยนไป ใช้บริการจากบริษัทอื่นในอาทิตย์หน้า ไม่มีอะไรจะรับประักันว่าคุณจะมีรายได้เท่าไรในแต่ล่ะเดือน สำหรับอดีตมนุษย์เงินเดือนที่เคยได้รับเงินเดือนเข้าบัญชีตรงเวลา ความไม่แน่นอนแบบนี้เป็นสิ่งที่ทำใจรับได้ยากมากเหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น